วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560

บทที่ 1เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และระบบปฏิบัติการ

สรุปท้ายบทที่ 1
บทที่ 1
เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และระบบปฏิบัติการ

ความหมายของคอมพิวเตอร์ 
กกกกกกกหมายถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้โดยอัตโนมัติ
คอมพิวเตอร์ 
กกกกกกกหมายถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้โดยอัตโนมัติ
ประเภทของคอมพิวเตอร์
 กกกกกกกที่จำแนกตามขีดความสามารถ ประกอบด้วย

1.ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
1234567เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ และมีขีดความสามารถสูงที่สุดในบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย ภายในสามารถรองรับโปรเซสเซอร์ได้นับพันตัว ทำให้มีพลังการประมวลผลสูงมา เหมาะกับงานคำนวณที่มีความซับซ้อนสูงอย่างงานด้านทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ การพยากรณ์ และงานวิจัยนิวเคลียร์ ขีดความสามารถของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์สูงมากถึงขนาดรับคำสั่งได้มากถึงหลายล้านคำสั่งต่อวินาที

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKEV-5aUQt_TrQvXw-Z5W1jCFUcGDfu6tu89mQdeKZxWDz4E29LqNerTX9zpLZk6iRokXryL_9pS16PEpwVwvyqWgWYVI2N7fUhbskfl6gtHLeDV2EbZLYeEU9alcIpp5LWn5Zk1Spi7s/s400/image-supercomputer.jpg
รูปที่ 1.1 ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์



2.เมนเฟรมคอมพิวเตอร์
กกกกกกกเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ รองจากซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ นิยมนำมาใช้งานตามภาคธุรกิจขนาดใหญ่ เช่นธนาคาร บริษัทประกันภัย และสายการบิน  เมนเฟรมคอมพิวเตอร์สามารถนำมาใช้ประมวลผลแบบรวมศูนย์ ด้วยการจัดตั้งเป็นเครื่องแม่ข่ายเพื่อบริการแก่เครื่องลูกข่ายที่มีการเชื่อมต่อนับพันเครื่องสำหรับความเร็วในการประมวลผลของเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ จะมีความเร็วในระดับพันล้านคำสั่งต่อวินาที

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhmwA9tDfcw85Ea9TiRcoFFvflNjcSmgtaOz0B9G3QHmGykWPw3W5BYKAkpVd9DI334OugdJloiUskd88XCk0E759EmEd6G0tE7NMEFGP-wPVkwpVOxFNOjdvhRD2_HItXPN9ceNjbg28/s320/mainframe.jpg
รูปที่ 1.2 เมนเฟรมคอมพิวเตอร์

3.มินิคอมพิวเตอร์

1234567เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง มีขีดความสามารถต่ำกว่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มักนิยมนำมาใช้กับธุรกิจขนาดกลางทั่วไป เช่น โรงพยาบาล โรงแรม และตามโรงงานอุตสาหกรรม แต่ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์เมนเฟรมมีหลายขนาดด้วยกัน โดยเฉพาะเมนเฟรมขนาดเล็กจึงทำให้ชื่อ มินิ กลายเป็นอดีตไป  และคอมพิวเตอร์แบบเมนเฟรมยังได้รับความนิยมสูงกว่าระดับมินิ อีกด้วย


https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgS5jvzWjl29xew81Fgk6MpDCEl1Vv5K0-g8y1vm-U16sXO0yztyGJr-a0GBfeBALKB8H3qRdQlvsHg9w9eorlUUX-FyjczIOzLm1NWJlQDy1Z1rWGUO1Jp50p2rB9YvGkY2FKgJbi_hZg/s320/mini-computers.jpg
รูปที่ 1.3 มินิคอมพิวเตอร์

4.เวิร์กสเตชั่น

1234567รูปลักษณ์ภายนอกที่เรียกกันว่าเครื่องสถานีวิศวกรรมนั้นแลดูคล้ายกับเครื่องพีซีแต่เวิร์กสเตชั่นไม่ใช่พีซีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ สมรรถนะหรือขีดความสามารถสำหรับเครื่องเวิร์กสเตชั่นจะประมวลผลได้เร็วมาก เหมาะกับงานคำนวณทางวิศวกรรม งานออกแบบ งานกราฟฟิก และงานทางด้านการแพทย์ ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้ในเครื่องเวิร์กสเตชั่นนั้นคือ  Unix



https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-WorSojmoPXM0UQZ3Elyc2kNvxTJ9Y_oBFCKiPC7PKMrJUiSvwOQuOMespYyzQCxbBUQcEjEd0oMBpSU0uL7Ufyn-_WVZ3Dzj9UyyiKG098evi0ZUHtAFR8ty9I_zWCs6JpvCxYqZksg/s320/e0b8b3e0b89ee0b8b0e0b8b3e0b8b1.jpg

รูปที่ 1.4 เวิร์กสเตชั่น

5.ไมโครคอมพิวเตอร์

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjF5leRNWFLKTcqZ7s-hX89bLZNrvLZD7TvX0LxxlPsksHaS3qUTP_A4B2EQqhORM9D3UAzfVH678x4zeMh9KOY6EZsFw4NaXOADYxcK19PRDdC4_7m5fY8zpHTRACgEKqoMXtzHK4ao10/s320/thinkstation_family_02.jpg
รูปที่ 1.5 ไมโครคอมพิวเตอร์





องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย

1.ฮาร์ดแวร์

1234567หมายถึงตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง มีลักษณะทางกายภาพที่เราสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ เช่น แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ชิป และชิ้นส่วนประกอบเชิงกลไกต่างๆ ที่จะทำงานประสานงานกันเพื่อให้เกิดการประมวลผล การจัดเก็บ และการเผยแพร่ข่าวสาร ฮาร์ดแวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ยังถูกแบ่งออกอีกเป็น 5 ประเภทด้วยกัน ประกอบด้วย 

123456789011.1 อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device) เช่น คีย์บอร์ด เม้าส์ เครื่องสแกนเนอร์ และไมโครโฟน เป็นต้น

123456789011.2 หน่วยความจำหลัก (Main Memory)  เช่น หน่วยความจำแรม  หน่วยความจำรอม เป็นต้น
123456789011.3 หน่วยประมวลผลกลาง (Central Orocessor Units : CPU) จัดเป็นหน่วยที่สำคัญที่สุดของคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่รับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูล แล้วนำมาประมวลผลตามคำสั่ง เพื่อส่งไปยังหน่วยแสดงผล
123456789011.4 อุปกรณ์แสดงผล (Output Devices) เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ และลำโพง เป็นต้น
123456789011.5 หน่วยเก็บข้อมูลภายนอก (External Storage) คืออุปกรณ์ที่นำมาใช้บันทึกหรือจัดเก็บข้อมูล/โปรแกรม เพื่อสำรองข้อมูลเก็บไว้ เช่น ฮาร์ดดิสก์ เทป แผ่นซีดี/วีดีโอเป็นต้น
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAh5pjU1FL-3obrFLLFAXvO9U7ftFiwTQOgjRXZQZ2dBWwuUnfSPVisRYHcjOIQy_90E7JXEauZrnBzH-rTzIEZNJTXaV0jF8sTT3YH07_GkliugfpBSd5HtSfQlRn5eOB-Ztl1vGIXwo/s1600/5.jpg
รูปที่ 1.6 ฮาร์ดแวร์
2.ซอฟแวร์
1234567หมายถึงโปรแกรมชุดคำสั่งที่บอกคอมพิวเตอร์ว่าต้องทำอะไร โดยตัวโปรแกรมจะถูกเขียนคำสั่งคอมพิวเตอร์ จากนั้นจะถูกแปลภาษาเครื่องที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ คอมพิวเตอร์ก็จะนำเอาคำสั่งนี้ไปควบคุมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ให้ทำงาน  ซอฟต์แวร์ถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ 
123456789012.1 ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) เช่น Windows , Unix และ Linux 
123456789012.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) เช่น ไมโครซอฟต์ออฟฟิศ โปรแกรมบัญชี โปรแกรมเงินเดือน โปรกแรมควบคุมสินค้าคงคลัง

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjFtMLyGChd8vV7R7lwE9xGNY9Ay4g2KmPZccPxGlQJbpsnjF1UvV64zTFgRRXL9SAGr4L_QPkLaptNpCgnb8nSY0X71iz_XMuCAwaUxPXZH_SANICNsGzDSaD6kamo9fS37pfkYX6dSCc/s320/6.jpg
รูปที่ 1.7 ซอฟต์แวร์

3.ข้อมูล
1234567ข้อมูลในที่นี้หมายถึง ข้อมูลดิบที่เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับความจริงทั้งหลาย อาจอยู่ในรูปของตัวเลข หรือรูปภาพ เช่น ชื่อ ที่อยู่ อายุ ระดับชั้น เป็นต้น ซึ่งเป็นข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการประมวลผล

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpfAeS5fNKBGsueQrlggbl1-tMGRpLWE7jVBGUtsohS18lanoQOEtxfj9D9Ux-TvpsEUVh7k_nj6uhnE3tkcBVe9ZnDKzIvFv78wlYOlGBzdFV8PUzdeV4OKeNVMV4okWA3tDjCv3OAgA/s320/6+%25281%2529.jpg

รูปที่ 1.8 ข้อมูล

4.กระบวนการทำงาน
1234567คือขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ผู้ใช้รับทราบว่า จะมีวิธีการจัดการหรือปฏิบัติการกับข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง เพื่อดำเนินเก็บข้อมูลที่ได้มา

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjDLHUZPtwUc_BlS0cxI6GqEQl0uQH9KyXoBkBDwYD3v7PD0_FzAB2GpUeEoYaRZwJIKCXHIncDQM4jJUma3J-OSovauPUIW8xdrJFAIIBehkGXnHpbdwlAr8M4CCftiRyu-kSdl9YFCJs/s320/PDCA.jpg
รูปที่ 1.9 กระบวนการทำงาน

5.บุคลากร
กกกกกกกหมายถึงบุคลากรทางคอมพิวเตอร์ เช่นบุคลากรทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาโปรแกรม ก็คือ นักวิเคราะห์ระบบและโปรแกรมเมอร์

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg-5cVzxqNXaB3gNTNf0S4MJg6nE7N7s-zljsrp_MeE06N5wqBT4XR65oV-MYM9TiiVldzqBdCRLGqRp2Sqk3nbW70HO-TpunNn3AIdXYFRDcJj9KGI5sVfVrZZerapAxTkxp8r3WSaa5M/s320/eng-training001_201173.jpg

รูปที่ 1.10 บุคลากร



คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย

1.ความเร็ว
1234567คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วมาก สามารถทำงานให้สำเร็จได้ในพริบตาซึ่งความรวดเร็วในการทำงานของคอมพิวเตอร์มีผลต่อธุรกิจในปัจจุบันอย่างมาก ทั้งในด้านลูกค้า และผู้ให้บริการ

2.ความน่าเชื่อถือ
กกกกกกกการทำงานของคอมพิวเตอร์มีความน่าเชื่อถือสูงมาก มีอัตราการผิดพลาดต่ำ ผิดจากมนุษย์ เมื่อมีการทำงานหลายๆชั่วโมง ร่างกายก็จะมีการอ่อนล้า

3.ความเที่ยงตรงและแม่นยำ
1234567คอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลข้อมูล และคำนวณผลลัพธ์ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ กล่าวคือ หากมีข้อมูลชุดเดียวกัน หากนำมาผ่านกระบวนการประมวลผลครั้งแล้วครั้งเล่าก็จะได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม



4.จัดเก็บข้อมูลได้ปริมาณมาก

1234567เทคโนโลยีในยุคนี้ล้ำไปมาก ฮาร์ดดิสก์ตัวหนึ่งๆ สามารถจุข้อมูลได้มากถึงระดับเทอราไบต์ (TB) แล้ว เพื่อรองรับข้อมูลที่ใช้ในปัจจุบันที่มีความจุสูง อย่างเช่นข้อมูลมัลติมีเดีย ข้อมูลสำคัญต่างๆ


5.ความสามารถในการสื่อสารและเครือข่าย

1234567ในปัจจุบันนอกจากจำนำมาใช้งานส่วนตัวแล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อแบบเครือข่ายได้ เช่น เครือข่ายแลน เพื่อแบ่งปันใช้งานทรัพยากรบนเครือข่าย








สื่อบันทึกข้อมูลประกอบด้วย

สื่อบันทึกข้อมูลแบบแม่เหล็ก 
1234567ได้แก่ เทปแม่เหล็ก ดิสเกตต์ และฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
สื่อบันทึกข้อมูลแบบแสง 
1234567ได้แก่ สื่อออปติคัลดิสก์ต่างๆ อันประกอบด้วย
       สื่อที่อ่านได้อย่างเดียว เช่น แผ่น CD-ROM, DVD-ROM, BD-ROM
       สื่อที่อ่านและเขียนได้จนเต็มแผ่น เช่น แผ่น CD-R, DVD-R, BD-R และ
      สื่อที่อ่านและเขียนทับข้อมูลเดิมได้ เช่น แผ่น CD-RW, DVD-RW, BD-RE
สื่อบันทึกข้อมูลแบบแฟลช 
1234567 ได้แก่ แฟลชไดรฟ์ และการ์ดหน่อยความจำชนิดต่างๆ

อุปกรณ์ต่อพ่วง 
1234567หมายถึงอุปกรณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์ ผ่านกานเชื่อมต่อเพื่อเพิ่มขยายขีดความสามารถให้กับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ประโยชน์ด้านใดด้านหนึ่ง  อุปกรณ์ต่อพ่วง ยังแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ
1234567กกกก1.อุปกรณ์ต่อพ่วงเพื่อการป้อนข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ ไมโครโฟน และสแกนเนอร์
1234567กกกก2.อุปกรณ์ต่อพ่วงเพื่อการแสดงผลข้อมูล เช่น เครื่องขับออปติคัลดิสก์แบบภายนอก เครื่องอ่านการ์ดหน่วยความจำแบบภายนอก และฮาร์ดดิสก์แบบเชื่อมต่อภายนอก
1234567กกกก3. อุปกรณ์ต่อพ่วงเพื่อการจัดเก็บ เช่น  ฮาร์ดดิสก์แบบพกพา  เครื่องขับดีวีดีแบบภายนอก รวมถึงเครื่องอ่านการ์ดหน่วยความจำแบบภายนอก เป็นต้น

ความหมายของระบบปฎิบัติการ 
กกกกกกกระบบปฏิบัติการ (Operating System) คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ จุดประสงค์ของระบบปฏิบัติการก็คือจะกำหนดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับผู้ใช้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปฏิบัติงานกับคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ



วิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการ
1234567สำหรับในอดีตที่ได้มีการพัฒนาโปรแกรมระบบปฏิบัติการรุ่นต่างๆ เป็นต้นมา จึงทำให้เกิดระบบปฏิบัติการในยุคต่างๆ ดังต่อไปนี้

ระบบปฎิบัติการยุคที่ 1 
1234567จัดอยู่ในยุคที่ไม่มีระบบปฎิบัติการไว้ใช้งาน ผู้ควบคุมเครื่องจะต้องป้อนคำสั่งที่เป็นภาษาเครื่องเข้าไปโดยตรง
ระบบปฎิบัติการรุ่นที่ 2 
1234567เป็นยุคที่เริ่มใช้ระบบปฎิบัติการประมวลผลแบบแบตช์
ระบบปฎิบัติการรุ่นที่ 3 
1234567เป็นยุคที่เริ่มนำระบบปฎิบัติการที่ประมวลผลแบบมัลติโปรแกรมมิ่ง ไทม์แชริ่ง มัลติโปรเซสซิ่ง และระบบเรียลไทม์มาใช้
ระบบปฎิบัติการรุ่นที่ 4 
1234567เป็นยุคที่เริ่มมีระบบปฎิบัติการบนไมโครคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับงานประมวลผลแบบงานเดียว (MS-DOS) และมัลติทาสกิ้ง (Windows) รวมถึงระบบปฎิบัติการที่ใช้งานบนระบบเครือข่าย

หน้าที่ของระบบปฎิบัติการ ประกอบด้วย
1234567กกกก1.การติดต่อกับผู้ใช้
1234567กกกก2.การควบคุมดูแลอุปกรณ์
1234567กกกก3.การจัดสรรทรัพยากร

บทที่ 5เรื่อง การติดตั้งระบบปฏิบัติ

บทที่ 5เรื่อง การติดตั้งระบบปฏิบัติ

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ   มีดังนี้
สิทธิ์ความเป็นเจ้าของซอฟต์แวร์
สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของซอฟต์แวร์จะระบุถึงการอนุญาตให้ใช้งานโปรแกรมภายหลังจากโปรแกรมซอฟต์แวร์นั้นถูกพัฒนาขึ้น โดยผู้ที่พัฒนาอาจะเป็นบุคคลหรือระดับองค์กรจะถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของดังกล่าว ว่าจะอนุญาตให้นำไปจำหน่าย แบ่งปัน หรือแจกจ่ายหรือไม่ รวมถึงขอบเขตการใช้งานรูปแบบต่างๆ ซึ่งผู้ใช้ควรศึกษาเพราะมีผลต่อกฎหมายลิขสิทธิ์ ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานในปัจจุบันนี้มีหลายรูปแบบด้วยกันโดยหากพิจารณาการจัดแบ่งในมุมมองการตลาดแล้ว สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทดังนี้
1.ซอฟต์แวร์เพื่อการพาณิชย์
คือซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อนำไปจำหน่ายและหวังผลกำไร ตัวอย่างเช่น เมื่อซื้อซอฟต์แวร์นี้มาใช้ มักเป็นสิทธิ์แบบใช้งานคนเดียว หากมีการติดตั้งลงในเครื่องอื่นๆ หรือมีการคัดลอกลงในแผ่นซีดี / ดีวีดี แล้วนำไปแจกจ่าย จะถือว่าคุณได้ทำผิดกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์นั่นเอง
2.แชร์แวร์
เป็นโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์เช่นกัน โดยอาจถูกพัฒนาขึ้นโดยองค์กรหรือโปรแกรมเมอร์เพียงคนเดียวก็ได้ มีการแจกจ่ายให้ทดลองใช้งานฟรีภายในระยะเวลาที่กำหนด ที่สำคัญโปรแกรมที่ให้ทดลองใช้งานฟรีนั้น อาจมีบางเครื่องมือบางตัวที่ถูกจำกัดขอบเขตการใช้ รวมถึงการให้ใช้ฟรีได้ภายในระยะที่กำหนดเช่น 30 วัน แต่ถ้าหากต้องการซอฟต์แวร์เต็มคุณสมบัติ และใช้งานได้ตลอดจะต้องจ่ายเงินซื้อ
3. ฟรีแวร์
คือซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้ฟรี โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใดๆ ผู้ใช้สามารถนำโปรแกรมนี้ไปใช้งานได้ฟรี แล้วยังสามารถแบ่งปันหรือคัดลอกให้ผู้อื่นได้ แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนโปรแกรมยังคงเป็นเจ้าของสิทธิ์นั้นอยู่ ดังนั้น ผู้ที่นำไปใช้งาน ย่อมไม่สามารถเข้าไปดำเนินการแก้ไขหรือดัดแปลงใดๆ กับตัวโปรแกรมได้ หากไม่ได้รับอนุญาติจากผู้เขียน มิฉะนั้นจะถูกดำเนินการทางกฎหมายฐานละเมิดสิทธิ์
4. ซอฟต์แวร์สาธารณะ
คือโปรแกรมที่ปราศจากลิขสิทธิ์ใดๆ โดยเจ้าของลิขสิทธิ์ในตัวโปรแกรมที่เป็นผู้พัฒนาโปรแกรมนี้ขึ้นมา มีจุดประสงค์บริจาคแก่สาธารณะ ดังนั้นซอฟต์แวร์นี้ นอกจากจะใช้งานได้ฟรีแล้ว ยังสามารถคัดลอก ดัดแปลง แก้ไข และแจกจ่ายให้กับบุคคลอื่นได้โดยไม่มีข้อจำกัดและข้อผูกมัดใดๆ




ระบบปฏิบัติการตามมาตรฐานปิดและมาตรฐานเปิด
1.ซอฟต์แวร์ตามมาตรฐานปิด
คือซอฟต์แวร์ที่มีกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ไม่มีการเปิดเผยชุดคำสั่ง เป็นซอฟต์แวร์ที่มีเจ้าของลิขสิทธิ์เพียงผู้เดียว โดยได้รับใบอนุญาตใต้สิทธิตามกฎหมาย
2. ซอฟต์แวร์ตามมาตรฐานเปิด
คือซอฟต์แวร์ระบบแบบ Open Source ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวคิดการอาศัยความร่วมมือจากโปรแกรมเมอร์หรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วโลก โดยมีความตั้งใจที่จะเปิดเผยชุดคำสั่งสู่สาธารณะ เพื่อให้เหล่านักพัฒนาช่วยกันสร้างซอฟต์แวร์เหล่านี้ขึ้นมา สามารถนำไปใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ระบบปฏิบัติการ Windows 7
ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ได้เริ่มวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2552 อย่างเป็นทางการ และยังสามารถสร้างยอดจำหน่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยระยะเวลาเพียง 3 ปีถัดมามียอดจำหน่ายมากกว่า 600 ล้านชุด
ระบบปฏิบัติการ Windows 7  ยังมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบ 32 บิต และ แบบ 64 บิต โดยมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปดังนี้
- Windows  7 แบบ 32 บิต รองรับหน่วยความจำได้สูงสุด 4 กิกะไบต์
- Windows  7 แบบ 64 บิต รองรับหน่วยความจำได้ไม่จำกัด
- Windows  7 แบบ 64 บิต ทำงานได้เร็วกว่า แบบ 32 บิต

การติดตั้ง Windows  7 แบบ 64 บิต จำเป็นต้องพิจารณาตัวอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานอยู่ว่ารองรับหรือไม่
หากเลือกติดตั้ง Windows  7 แบบ 64 บิต โปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานบนระบบ 32 บิต หรือ 64 บิต สามารถใช้งานได้ทั้งคู่ แต่ถ้าเลือกตืดตั้ง Windows  7 แบบ 32 บิต โปรแกรมประยุกต์ต่างๆที่นำมาติดตั้งใช้งาน จะต้องเลือกใช้แบบ 32 บิต เท่านั้น
ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ ที่จะนำมาติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows  7 นั้น ทางไมโครซอฟต์ได้ระบุ
สเปกขั้นต่ำไว้ดังนี้
ซีพียูมีความเร็ว  1 GHz ขึ้นไป สำหรับเครื่อง 32 บิต หรือ 64 บิตก็ได้
หน่วยความจำหลัก มีความจุข้นต่ำที่ 1 GHz สำหรับ 32 บิต และ  2 GHz สำหรับ 64 บิต
เนื้อที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์ ควรมีความจุขั้นต่ำที่ 16 GB สำหรับระบบ 32 บิต 20 GB สำหรับระบบ 64 บิต
อุปกรณ์แสดงผล DirectX9 พร้อมโปรแกรมควบคุม WDDM 1.0 หรือสูงกว่า

ขั้นตอนการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows  7
กกกกกกกเมื่อคอมพิวเตอร์ที่ประกอบไว้ผ่านการทดสอบแล้วว่ามีความสมบูรณ์และพร้อมที่จะใช้งาน ขั้นต่อไปคือการจะทำให้คอมพิวเตอร์สามารถบูตเครื่องได้ จึงต้องติดตั้งโปรแกรมระบบปฏิบัติการลงไปก่อน ซึ่งระบบปฏิบัติการจะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อตอบสนองการใช้งานแก่ผู้ใช้ตามความประสงค์ต่อไปนี้จะเป็นการสาธิตวิธีการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows  7  ซึ่งต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ที่สำคัญต่างๆ ดังนี้
ชุดคอมพิวเตอร์ที่พร้อมใช้งาน
แผ่นติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows  7
แผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ด
วิธีการติดตั้ง ดังนี้
1.ใส่แผ่น DVD Windows 7 หรือ USB Boot Windows 7 แล้วตั้งค่าให้ Boot ไปที่ DVD ,USB
2. จากนั้นจะเข้าสู้หน้าตาของ Windows 7 ให้รอสักครู่



install Windows 7












3. เมื่อมาถึงหน้านี้ให้เราตั้งค่าภาษา
Language to install: English
Time and currency format: Thai (Thailand)
Keyboard or input method: US คลิก Next


install Windows 7 Setup
4. คลิก Install now


install Windows 7 install

5. ให้ทำเครื่องหมายถูกที่ช่อง I accept the license terms แล้วคลิก Next

6. คลิกเลือกที่ Custom (advanced)


install Windows 7 custom

7. ถึงหน้านี้เราจะเห็นว่ามี Hdd ทั้งหมดภายในเครื่องเรา กรณีนี้เป็นเครื่องใหม่ที่ยังไม่เคยติดตั้ง windows มาก่อน เราจึงต้องทำการ สร้างพาติชัน (Patition)  (เครื่องที่เคยลง windows มาก่อนให้คลิกที่นี้) โดยคลิกที่ Drive options (advanced)


install Windows 7 new disk
จากนั้นคลิกที่ New


install Windows 7 install windows
โดย windows จะให้เราแบ่งไดร์ฟ C ก่อนคือไดร์ฟที่เราจะทำการติดตั้ง windows ลงไป การแบ่งจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ของ Hdd แต่ละเครื่อง โดย 1024 MB = 1 GB หลักจากใส่จำนวนเรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ Apply  ยืนยันโดยการคลิก OK  จากนั้นเราก็จะได้ พาติชัน (Patition) มาเรียบร้อย หากมีพื้นที่ Hdd เหลือก็ให้ทำการสร้าง พาติชัน ตามขั้นตอนข้างต้น (กรณีที่เคยติดตั้ง windows มาก่อนแล้ว ให้เลือก พาติชัน ที่ต้องการติดตั้ง windows แล้วทำการ Format จากนั้นทำตามข้อ 8 เป็นต้นไป) หลังจากได้ พาติชัน ให้ทำการ Format 1 ครั้ง



ยืนยันโดยการคลิก OK



8. หลังจาก format เรียบร้อย ให้คลิกเลือกไดร์ฟที่ต้องการติดตั้ง windows แล้วคลิก Next




9. จากนั้นรอ…. ระหว่างนี้ เครื่องจะ รีสตาร์ท เอง 2 ครั้ง






10. หลังจากเครื่องทำการติดตั้ง windows เรียบร้อยแล้วจะรีสตาร์ท กลับมาก็จะให้เราทำการกำหนด User name และ Computer name


install Windows 7 username

กำหนด User name และ Computer name ตามต้องการ เสร็จแล้วคลิก Next


11. กำหนด password หากไม่ต้องการกำหนด ให้คลิก Next

install Windows 7 password


12. ขั้นตอนนี้เป็นการตั้งค่าอัพเดท windows  โดยส่วนใหญ่จะเลือก Use recommended settings
(ตั้งค่าให้อัพเดทอัตโนมัติ) Ask me later (อัพเดทเองภายหลัง)



install Windows 7 securiry

13. ตั้งค่าโซน วันที่ เวลา แล้วคลิก Next

 install Windows 7 settime

14. เลือก network ตามต้องการ



install Windows 7 publish



เมื่อเสร็จเรียบร้อยจะขึ้นหน้านี้

 

อ้างอิง
http://www.windowssiam.com/install-windows-7/

บทที่ 4 ประเภทของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ

บทที่ 4 ประเภทของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ

ประเภทของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ

ความแตกต่างของระบบปฏิบัติการ

ระบบปฏิบัติการชนิดต่างๆถูกออกแบบและสร้างขึ้นบนพื้นฐานของความต้องการแตกต่างกันไป ดังนี้

อินเตอร์เฟซของระบบปฏิบัติการ

อินเตอร์เฟซของระบบปฏิบัติการ สามารถถูกออกแบบให้อยู่ในรูปแบบของการโต้ตอบด้วยคำสั่ง หรือแบบกราฟฟิกก็ได้ โดยที่

อินเตอร์เฟซแบบคำสั่ง (Command Line)

เป็นอินเตอร์เฟซที่ผู้ใช้ต้องมีความรู้ด้านการโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์ผ่านคำสั่งต่างๆ ดังนั้นผู้ใช้งานจึงต้องรู้ว่า ต้องป้อนคำสั่งอะไรลงไปเพื่อโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์หรือสั่งงานให้เครื่่องทำ

อินเตอร์เฟซแบบการฟฟิก (Graphics User Interface : GUI)

เป็นระบบปฏิบัติการยุคใหม่ อินเตอร์เฟซเพื่อการโต้ตอบมักถูกออกแบบเป็น GUI ซึ่งนอกจากจะมีความสวยงามแล้วยังดึงดูดความสนใจแก่ผู้ใช้และยังช่วยให้การโต้ตอบระหว่างกันสะดวกมากยิ่งขึ้น  เช่น MS-Windows และ MAC-OS ในขณะที่ระบบปฏิบัติการ Unix และ Linux ก็จะมีเวอร์ชั่นทั้งแบบ Command Line และ GUI

ประเภทของระบบปฏิบัติการ

เป็นระบบปฏิบัติการ ยังถูกจัดแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้

ระบบปฏิบัติการส่วนบุคคล (Personal Operating Systems)

เป็นระบบปฏิบัติการที่นำมาใช้งานส่วนบุคคลเป็นหลัก ในลักษณะของผู้ใช้คนเดียว เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows แต่อย่างไรก็ตามระบบปฏิบัติการจากค่ายไมโครซอฟต์นอกจากจะนำมาใช้ส่วนตัวได้แล้ว ยังสามารถตั้งค่าเพื่อสร้างเป็นเครือข่ายเล็กๆ เชื่อมต่อกันรวมถึงการเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่ายระดับองค์กรและเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

ระบบปฏิบัติการเครือข่าย (Network Operating Systems)

เป็นระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นเพื่อใช้งานระบบเครือข่ายเป็นหลักสามารถรองรับการเชื่อมต่อจากเครื่องลูกข่ายต่างๆเข้าด้วยกันโดยมีศูนย์บริการที่เรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้เป็นเครื่องแม่ข่ายหรือที่มักเรียกกันว่า โฮสต์ ตัวอย่างระบบปฏิบัติการเครือข่าย เช่น Windows Sever , Novell NetWare และ Unix เป็นต้น


https://support.novell.com/techcenter/articles/img/ana1997050418.gif


https://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/4/4e/Windows_Server_2008_R2_Datacenter.png


นอกจากระบบปฏิบัติการบุคคลและระบบปฏิบัติการเครือข่ายแล้ว ยังมีระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานงานแบบเคลื่อนที่ได้ เช่น เครื่องคิออส  เครื่องบันทึกเงินสด รถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ชนิดของซีพียูที่สนับสนุน

โดยทั่วไปแล้ว ระบบปฏิบัติการมักถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานบนซีพียูประเภทใดประเภทหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น ใช้งานกับซีพียูเครื่องพีซีทั่วไป เครื่องเซิร์ฟเวอร์ หรืออุปกรณ์เลื่อนที่นอกจากนี้ ยังมีระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิต และ 64 บิต ให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ก็จะมีทั้งแบบ 32 บิต และ 64 บิตให้เลือกใช้งาน สถาปัตยกรรมของซีพียูที่ใช้งานบนเครื่องพีซีทั่วไป ก็ยังมีทั้งซีพียูแบบ CISC และ RISC

ซีพียู  CISC (Complex Instruction Set Computing)

สถาปัตยกรรมของซีพียูชนิดนี้ ภายในซีพีูจะประกอบไปด้วยชุดคำสั่งภายในจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นชุดคำสั่งพื้นฐานและชุดคำสั่งที่มีวคามซับซ้อน โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานบนซีพียูชนิดนี้ จะใช้ประโยชน์จากคำสั่งที่อยู่ภายในซีพียูได้ทันที จึงทำให้ตัวโปรแกรมเขียนได้ง่ายขึ้นและสั้นลง อย่างไรก็ตาม ด้วยชุดคำสั่งที่มากถึง 200- 300 ชุด ย่อมส่งผลให้ซีพียูมีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้พลังงานมากขึ้น ร้อนสะสมสูงขึ้น  ตัวอย่างซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ CISC  เช่น ชิปตระกูล Intel และ AMD ซึ่งพีซีคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้ ล้วนเป็นซีพียูแบบ CISC ทั้งสิ้น

ประสิทธิภาพ
1.เนื่องจาก CISC มีชุดของคำสั่งที่ซับซ้อนมากกว่า RISC และในคำสั่งพิเศษที่มีอยู่ใน  CISC นั้น
 (หรือคำสั่งยากๆ)  เช่น การแก้สมการในการทำงานหนึ่งคำสั่งของ CISC อาจใช้เวลา(สัญญาณนาฬิกา) มากกว่าการนำเอาคำสั่งที่มีอยู่ใน RISC หลายๆคำสั่งมารวมกันเสียอีก
2.ประสิทธิภาพอาจลดลงเนื่องจากเสียเวลาในการถอดรหัส เพราะชุดคำสั่งของ CISC ไม่แน่นอน มีทั้งสั้นและยาว อีกทั้งวงจรมีความสลับซับซ้อนมาก
 และใช้วงรอบสัญญาณนาฬิกานาน จึงทำให้เสียค่าใช่จ่ายสูง และใช้เวลานานกว่าในการประมวลผล

https://4.bp.blogspot.com/-L_DOE4gH1zw/V1vKRTYxQeI/_2.jpg 


ซีพียู RISC (Reduced Instruction Computing)

เป็นสถาปัตยกรรมของซีพียูที่มีแนวคิดตรงข้ามกับ CISC อย่างสิ้นเชิงโดยภายใน RISC จะมีชุดคำสั่งที่น้อยกว่า โดยบรรจุชุดคำสั่งพื้นฐานง่ายๆที่ใช้งานเป็นประจำ ชุดคำสั่งส่วนใหญ่ล้วนจำเป็นต่อการถูกเรียกใช้งานจากโปรแกรมอยู่บ่อยๆนั่นเอง ส่วนคำสั่งที่ซับซ้อนก็จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของระบบปฏิบัติการในการนำคำสั่งพื้นฐานที่มีอยู่มาประกอบเข้าด้วยกัน ทำให้การประมวลผลคำสั่งของ ซีพียู RISC ใช้เวลาน้อยกว่า CISC ด้วยภายในที่มีการบรรจุเฉพาะชุดคำสั่งพื้นฐานอจึงทำให้ซีพียูมีขนาดเล็ก และใช้พลังงานน้อยกว่า ตัวอ่ายงซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC  เช่น ชิปตระกูล Power PC , Silicon Graphics และ DEC Alpha เป็นต้น

ประสิทธิภาพ
1.การทำงานจะทำได้เร็วกว่า CISC เพราะ  RISC ประกอบด้วยคำสั่งง่ายๆ เช่น LOAD/STORE
 ใช้ในการโหลดข้อมูลเก็บไว้ในเรจิสเตอร์โดยตรงและให้เรจิสเตอร์ทำการประมวลผลจากนั้นค่อยเก็บไว้ในหน่วยความจำ (โดยทั่วไปการทำงานของคอมพิวเตอร์เรียงลำดับความเร็ว มีดังต่อไปนี้ CPU REGISTER   MEMORY  DISK )
2.เนื่องจากการเข้ารหัสชุดคำสั่งเป็นลักษณะ FIX-ENCODING จึงง่ายต่อการถอดรหัส
3.ในสถาปัตยกรรมแบบ  RISC มีเรจิสเตอร์จำนวนมากจึงทำให้การทำงานโดยรวมรวดเร็ว
4.การใช้งานคำสั่งง่ายๆ ของ RISC นี้ บางคำสั่งใช้เวลา(วงรอบสัญญาณนาฬิกา)  ไม่ถึง 1 สัญญาณนาฬิกา  จึงส่งผลให้ทำงานได้รวดเร็ว

ทั้งซีพียูแบบ CISC และ RISC ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียปะปนกันไปตามตารางดังนี้

อ้างอิงเนื้อหาจากหนังสือเรียนวิชาการใช้งานระบบปฏิบัติการ หน้า 104


ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเซิร์ฟเวอร์

ในที่นี้ จะกล่าวถึงระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้งานบนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ระบบปฏิบัติการ DOS , Windows , Windows Server ,  Mac-OS , Unix , Linux

ดอส (Disk Operating System : DOS)

ระบบปฏิบัติการ DOS จัดเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมสูงมากในช่วงปี พ.ศ. 2523  ถึงปี พ.ศ. 2553 ถูกออกแบบใช้งานบนเครื่องพีซีในยุคเริ่มต้น เป็นระบบปฏิบัติการที่ประมวลผลแบบงานเดียว โดยมีอินเตอร์เฟซเป็นแบบคำสั่งที่เรียกว่า Command Prompt อย่างไรก็ตามในระบบปฏิบัติการ Windows ก็ยังผนวกการโต้ตอบแบบคำสั่งเอาไว้สำหรับผู้ที่ยังคงชื่นชอบรูปแบบโต้ตอบชนิดนี้


https://alaninkenya.org/wordpress/wp-content/uploads/2011/06/free_dos_screenshot.jpg

วินโดวส์ (Windows)

ระบบปฏิบัติการ Windows  จากค่ายไมโครซอฟต์ เป็นระบบปฏิบัติการที่มีวิวัฒนาการมายาวนานหลายปี ในปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90 % มีหลาหลายเวอร์ชั่นหลากหลายระดับให้เลือกใช้ ตั้งแต่ระบบปฏิบัติการส่วนบุคคล ระบบปฏิบัติการเครือข่าย และระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ รายละเอียดต่อไปนี้ จะสรุปประวัติโดยย่อของระบบปฏิบัติการ Windows ในเวอร์ชั่นต่างๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

http://www.softzone.es/app/uploads/2015/10/Evolucion-Windows.png

Windows 1.0 ถึง Windows  XP

บริษัทไมโครซอฟต์ได้สร้างระบบปฏิบัติการวินโดวส์ตัวแรกคือ Windows 1.0  เมื่อปี พ.ศ. 2528 เพื่อทดแทนระบบปฏิบัติการ DOS จนในที่สุดก็ได้ระบบปฏิบัติการ Windows 3.11 ซึ่งถือเป็นเวอร์ชั่นที่ได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จจากผู้ใช้เป็นจำนวนมากที่มีอยู่ทั่วโลก แต่ยังมีข้อจำกัดคือ ยังต้องพึ่งพาระบบปฏิบัติการ DOS อยู่ถัดจากนั้นมาจนปี พ.ศ. 2538-2543 ก็ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เช่น Windows 95 , Windows 98  เป็นต้นและไม่ต้องพึ่งพาระบบปฏิบัติการ DOS อีกต่อไป อีกทั้งยังพัฒนาระบบไฟล์จากเดิมที่เคยใช้คือ FAT-16 บิต มาเป็น FAT-32 บิต และ NTFS ตามลำดับ

http://www.dosgamers.com/uploads/images/original/windowsxp.jpg

Windows Vista 

ในช่วง พ.ศ. 2550 ไมโครซอฟต์ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows Vista เพื่อทดแทน Windows XP ที่มีการใช้งานมายาวนาน โดยมีจุดเด่นตรงที่ เป็นระบบปฏิบัติการที่สนับสนุนระบบ 64 บิต พร้อมกับปรับปรุงประสิทธิภาพต่างๆเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง แต่ระบบ Windows Vista มีกระแสตอบรับที่ไม่ดี ถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะเรื่องของการใช้ทรัพยากรระบบสูงและทำงานค่อนข้างช้า ทำให้คนส่วนใหญ่ ใช้งาน Windows XP ตามเดิม

Windows 7

สองปีถัดมาทางไมโครซอฟต์ก็ได้ซุ่มพัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows 7 และเปิดตัวใช้งานปี พ.ศ. 2552 โดยทีมงานประกาศว่าระบบปฏิบัติการ Windows 7 จะเป็นระบบปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเป็นการเรียกคืนความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง หลังจากประสบความล้มเหลวจากปฏิบัติการ Windows Vista  ในที่สุด ทางไมโครซอฟต์ก็ประสบความสำเร็จ ระบบปฏิบัติการ Windows 7 กลับมาทำยอดจำหน่ายให้ ไมโครซอฟต์อีกครั้ง และสร้างยอดจำหน่ายสูงสุดตลอดกาลอีกด้วย

http://www.top-windows-tutorials.com/images/2013/05/windows-7-desktop.png


Windows 8

ในปี พ.ศ. 2555 ทางไมโครซอฟต์ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 8  โดยมีการปรับปรุงรูปโฉมใหม่ของวินโดวส์ทั้งหมด ด้วยอินเตอร์เฟซใหม่ที่ทางไมโครซอฟต์ใช้ชื่อว่า "Metro Interface" ซึ่งคล้ายกันกับ Windows Phone ที่ใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ และยังรองรับจอภาพแบบสัมผัส เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นต่างๆได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ผู้ใช้งาน Windows 8 ยังสามารถเลือกอินเตอร์เฟซเพื่อการโต้ตอบแบบ Desktop View ที่คุ้นเคยมายาวนานได้เหมือนเดิม

http://i1-news.softpedia-static.com/images/news2/Microsoft-Gives-Advice-on-How-to-Troubleshoot-Windows-8-Apps-2.png

Windows Server

เป็นระบบปฏิบติการเครือข่าย (Network Operating System : NOS) จากค่ายไมโครซอฟต์ที่ถูกออกแบบให้ใช้งานบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์โดยเฉพาะ มักใช้งานตามองค์กรทั่วไป ตัวอย่างเช่น Windows Server 2003 , Windows Server 2008  เป็นต้น สำหรับข้อเด่นของระบบปฏิบัติการเครือข่ายจากค่ายไมโครซอฟต์ก็คือ มีโปรแกรมสนับสนุนมากมาย อีกทั้งการเชื่อมต่อ อีกทั้งการเชื่อมโยงลูกข่ายเข้ากับเครื่องเซิร์ฟเวอร์นั้นจะง่ายมากหากเครื่องลูกข่ายใช้ระบบปฏิบัติการจากค่ายไมโครซอฟต์เหมือนกัน

https://pbs.twimg.com/media/CeG7D70UIAAp6Fi.jpg


แมคโอเอส (Mac-OS)

ระบบปฏิบัติการ MAC เป็นผลิตภัณฑ์จากค่ายแอปเปิลที่ออกแบบมาใช้งานบนเครื่องแมคโดยเฉพาะ เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ โดยอินเตอร์เฟซแบบกราฟฟิก (GUI) ในรูปแบบหน้าต่างซ้อนๆกัน ถือเป็นต้นแบบที่ทางแอปเปิลเป็นผู้บุกบเิกเป็นรายแรก อย่างไรก็ตาม Mac-OS จัดเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ใช้งานค่อนข้างเฉพาะ และมีความชื่นชอบผลิตภัณฑ์ Mac เป็นพิเศษ สำหรับ Mac -OS มีทั้งเวอร์ชั่นแบบใช้งานส่วนบุคคลกับบนระบบเครือข่าย

https://damrongartsiriwanna.files.wordpress.com/2015/09/mac-os-x-lion-04-700x437.jpg

ยูนิกส์ (Unix)

ระบบปฏิบัติการ Unix ได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2503 ถูกออกแบบเพื่อใช้งานบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ระดับกลาง เป็นระบบปฏิบัติการที่มีรูปแบบการประมวลผลแบบมัลติยูสเซอร์และมัลติทาสกิ้ง นอกจากนี้ระบบคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ระดับไมโครคอมพิวเตอร์จนถึงเมนเฟรม สามารถรันอยู่ภายใต้ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ได้ทั้งสิ้น เนื่องจากเป็นระบบปฏิบัติการ ที่ไม่ขึ้นกับแพล็ตฟอร์ม กล่าวคือ เป็นระบบเปิด (Open System) ที่มิได้ผูกติดกับระบบหรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใด เป็นการเฉพาะ ระบบปฏิบัติการ Unix ยังถูกนำไปสร้างเป็นระบบปฏิบัติการตัวอื่นๆที่อยู่ภายใต้โครงสร้างพื้นฐานเดียวกันกับยูนิกซ์ ตัวอย่างเช่น Mac-OS และ Linux เป็นต้น

https://unixspu.files.wordpress.com/2013/03/1.jpg

ลินุกซ์ (Linux)

ลินุกซ์จัดเป็นระบบปฏิบัติการสายพันธุ์หนึ่งของ Unix และยังเป็นระบบเปิดที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนานำไปปรับปรุงเพื่อแบ่งปันใช้งานบนอินเทอร์เน็ต แม้ว่า Linux  ฉบับดั้งเดิมนั้นจะมีอินเตอร์เฟซแบบ Command Line ก็ตาม แต่เวอร์ชั่นใหม่ๆ ในปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนอินเตอร์เฟซมาเป็นแบบ GUI และสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตสำหรับลินุกซ์ประเทศไทย ได้รับการพัฒนาภายใต้หน่วยงาน NECTEC โดยใช้ชื่อว่า ลินุกซ์ทะเล (Linux Tle)

http://cdn.mos.techradar.com/art/software/Linux/Best%20desktop/linuxdesktops-gnome-1200-80.jpg

ระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์เคลื่อนที่

ระบบปฏิบัติารที่ใช้งานบนเครื่องพีซี โน้ตบุ้ค และ เน็ตบุ้ค ส่วนใหญ่จะใช้ระบบปฏิบัติการตัวเดียวกัน แต่สำหรับอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต และอุปกรณ์พกพาต่างๆ จะใช้ระบบปฏิบัติการคนละตัว ที่เรียกว่า ระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Operating System) ตัวอย่างเช่น ไมโครซอฟต์ มีระบบปฏิบัติการ Windows 7  ที่ใช้งานบนเครื่องพีซีหรือโน๊ตบุ้คทั่วไป แล้วยังมี Windows Phone ที่ใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น และยังมีอีกหลายรุ่นที่ใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ เช่น Android , iOS , Blackberry , HP webOS และ Symbain 

Windows Phone

วินโดวส์โฟนเป็นระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์เคลื่อนที่เวอร์ชั่นใหม่ที่รองรับการป้อนข้อมูลผ่านจอภาพแบบสัมผัส กับการออกแบบอินเตอร์เฟซในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Start Screen Interface เป็นระบบที่รองรับลักษณะงานแบบมัลติทาสกิ้ง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติการแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ในเรื่องของเบอร์ที่ไม่ได้รับสาย ข้อความที่ไม่ได้อ่าน การอัปเดตเครือข่ายสังคม และแสดงเนื้อหาอื่นๆ ที่มีความน่าสนใจไปยังผู้ใช้โทรศัพท์แบบทันเวลา ความสามารถในการปรับแต่งตามที่ผู้ใช้ต้องการ การเชื่อมโยงไปยังแกลลอรี่ภาพถ่าย เว็บไซต์ และการเข้าถึงเว็บไซต์สโตร์ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญ วินโดวส์โฟนที่ใช้งานบนโมบานเวอร์ชั่น ยังมีแอปพริเคชั่นที่ผู้ใช้คุ้นเคยกันดีบนเครื่องเดสก์ท็อป เช่นโปรแกรม Internet Explorer , MS-Excel และ PowerPoint ซึ่งสามารถดาวน์โหลดจาก Windows Phone  Marketplace 
   อย่างไรก็ตาม ค่ายไมโครซอฟต์นอกจากจะมีระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องพีซี เซิร์ฟเวอร์ และโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างโมบายโฟนแล้ว ยังมี วินโวส์ เอ็มเบรเด็ด ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแบบฝังตัว ที่ออกแบบให้ใช้กับอุปกรณ์ใช้งานสำหรับผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ที่ไม่ใช่พีซีคอมพิวเตอร์ เช่น เครื่องบันทึกเงินสด อุปกรณ์นำทาง อุปกรณ์ทางการแพทย์ รถยนต์ หุ่นยนต์ เป็นต้น

https://3g.co.uk/userfiles/g_phones/large/best-windows-phone-1.jpg

Android

แอนดรอยด์  (Android) เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกสร้างขึ้นจากพื้นฐานของลินุกซ์เพื่อใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถูกก่อตั้งโดยกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า Open Handset Alliance ที่มียักษ์ใหญ่แห่ง Google เข้าร่วมด้วย พร้อมกับบริษัทที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 30 แห่งและกลุ่มบริษัทโทรศัพท์เคลื่อนที่และในฐานะที่เป็นระบบปฏิบัติการน้องใหม่ แอนดรอยด์ถูกสร้างขึ้นจากจุดเริ่มต้นจนสามารถยกระดับความสามารถของระบบปฏิบัติการเคลื่อนที่ ที่ฝังอยู่ในใจของผู้ใช้มากมายทั่วโลกโดยเหล่าพัฒนาทั้งหลาย สามารถสร้างแอปพริเคชั่นบนมือถือเพื่อเติมเต็มคุณสมบัติที่เป็นข้อดีต่างๆทั้งหลายที่อยู่ในอุปกรณ์มือถือที่ควรมี และด้วยแอนดรอยด์เกิดจากแพล็ตฟอร์มระบบเปิด จึงทำให้ผู้คนสามารถดาวน์โหลดแล้วนำมาใช้ได้ฟรี อีกทั้งยังไม่ผูกติดกับฮาร์ดแว์ที่ผลิตมาจากโรงงานใดๆ ปัจจุบันระบบแอนดรอยด์มีเวอร์ชั่นต่างๆมากมาย เช่น Android 2.3 , Android 3.0 , Android 4.0 และ Android 4.1 เป็นต้นโดยเฉพาะเวอร์ชั่นใหม่ๆของแอนดรอยด์จะออกแบบใช้งานสำหรับอุปกรณ์แสดงผลที่มีจอภาพใหญ่อย่างแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ยังรองรับระบบมัลติทาสกิ้ง และโปรเซสเซอร์แบบมัติคอร์ ทั้งนี้ มีแอปพริเคชั่นจำนวนมากที่พัฒนาขึ้นใช้งานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 
นอกจากโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตแล้ว  แอนดรอยด์ยังมีเวอร์ชั่นที่ใช้กับอุปกรณ์อย่าง Google TV  และเวอร์ชั่นที่ใช้กับ PlayStation Phone จากค่ายโซนี่ ที่สำคัญแอนดรอยด์ยังถูกคาดหมายว่าจะถูกนำไปใช้งานบนอุปกรณ์ที่ใหญ่ขึ้น เช่น HDTV และโน๊ตบุ้คคอมพิวเตอร์ในอนาคตอันใกล้

https://keaunthz.files.wordpress.com/2013/06/android.png


Apple iOS

ระบบปฏิบัติการที่ออกแบใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์พกพาอื่นๆ จากค่ายแอปเปิล เช่น iPhone และ iPad  นั่นก็คือ iOS โดน iOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Mac OS X ของแอปเปิลนั่นเอง รองรับลักษณะงานแบบมัลติทาสกิ้งเช่นกัน มี App Store เป็นเว็บไซต์แหล่งรวมแอปพลิเคชั่นนับร้อยพันที่มีความน่าสนใจไม่น้อย โดยได้จัดเตรียมไว้ให้แก่ผู้ใช้ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ทั้งแบบฟรี และเสียเงิน เนื่องด้วย iOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ผูกติดกับผลิตภัณฑ์จากค่ายแอปเปิลเท่านั้น ซึ่งปกติจะมีลูกค้าเฉพาะกลุ่มทั่วโลกที่มีความเหนียวแน่นอยู่แล้ว สำหรับคู่แข่งของ iOS  ก็คือ Android นั่นเอง

https://cdn2.pcadvisor.co.uk/cmsdata/features/3454581/iOS_7_home_screen_thumb.jpg

BlackBery OS และ BlackBery Tablet OS

ระบบปฏิบัติการ BlackBerry OS ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานสำหรับอุปกรณ์ของแบล็คเบอรี่สนับสนุนลักษณะการทำงานแบบมัลติทาสกิ้ง รวมถึงคุณลักษณะอื่นๆ ที่พึ่งมี ซึ่งคล้ายกันกับระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์คลื่อนที่ค่ายอื่นๆ โดย BlackBerry OS  นอกจากใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้แล้ว ยังมี BlackBerry Tablet OS ที่ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานกับแท็บเล็ตที่เรียกว่า BlackBerry PlayBook โดยแหล่งแอปพริเคชั่นต่างและเกมส์ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเพื่อดาวน์โหลดได้ผ่าน BlackBerry App World

https://www.bbnews.pl/wp-content/uploads/2014/06/BlackBerry-OS-10-3-Icons-to-Sport-a-Flat-Design1.jpg

HP webOS

HP webOS หรือรู้จักกันในอีกชื่อนึงว่า Palm webOS เป็นระบบปฎิบัติการบนโทรศัพท์มือถือที่พัฒนามากจากพื้นฐานของระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเพื่อนใช้งานบนเครื่องปาล์ม เช่น Plam Pre และ HP Veer เป็นระบบที่สนับสนุนลักษณะการทำงานแบบมัติทาสกิ้งรวมถึงคุณสมบัติด้านอื่นๆ เช่นเดียวกันกับระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือตัวอื่นๆ ทั้งนี้ หากผู้ใช้ต้องการแอปพริเคชั่นก็สามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน App Catalog


http://www.webosnation.com/sites/webosnation.com/files/imagecache/large/resource_images/t/top_20_TouchPad_Apps.png

Symbian OS 

Symbian OS เป็นระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือ ที่บริษัทโทรศัพท์เคลื่อนที่ยักษ์ใหญ่อย่างโนเกียร์ ได้นำมาใช้ยาวนานกว่า 10 ปี และนิยมแพรหลายทั่วโลก (ตั้งแต่ยุคสมัยโทรศัพท์แบบปุ่มกด) แต่ด้วยจำนวนคู่แข่งที่เข้ามาเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ทโฟนมากขึ้น จึงทำให้ยอดการใช้งานระบบปฏิบัติการนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยหันไปใช้ระบบปฏิบัติการจากค่ายไมโครซอฟต์แทน (Windows Phone)

https://www.file-extensions.org/imgs/app-picture/2022/symbian-os.jpg



อ้างอิง

หนังสือเรียนวิชา การใช้งานระบบปฏิบัติการ รหัสวิชา  2128-2002 ประเภทวิชาอุตสาหกรรม สาขาเทคนิคคอมพิวเตอร์   116

บทที่ 3 ระบบปฏิบัติการกับการจัดการทรัพยากรระบบ

บทที่ 3 ระบบปฏิบัติการกับการจัดการทรัพยากรระบบ

การจัดการโปรเซส

       โปรเซสคือโปรแกรมที่ถูกประมวลผลโดยซีพียูแต่ในความเป็นจริงแล้วกิจกรรมที่ส่งไปให้ซีพียูประมวลผลนั้น ใช่ว่าจะเป็นโปรแกรมเท่านั้น ซึ่งในบางระบบอาจมีการเรียกกิจกรรมที่ซีพียูประมวลผลอยู่แตกต่างกันไป เช่น Job , Task  หรือ User Program ต่างก็มีความหมายเดียวกันกับคำว่าโปรเซส

สถานะของโปรเซส

       เมื่อแต่ละโปรเซสกำลังทำงานอยู่ จะมีการเปลี่ยนแปลงสถานะของโปรเซสในแต่ละช่วงเวลา โดยการทำงานของโปรเซสจะเกิดขึ้นบนสถานะใดสถานะหนึ่งเท่านั้น ซึ่งสถานะของโปรเซสประกอบด้วย
      1. New คือสถานะที่โปรเซสใหม่กำลังถูกสร้างขึ้น
      2. Ready คือสถานะที่โปรเซสกำลังรอคอย หรือพร้อมที่จะครอบครองหน่วยซีพียูเพื่อทำงาน
      3. Running คือสถานะที่โปรเซสได้ครอบครองซีพียู หรือโปรเซสที่กำลังทำงานตามคำสั่งของโปรแกรม
      4. Waiting คือสถานะที่โปรเซสกำลังรอคอยเหตุการณ์บางอย่าง เช่น รอให้มีการรับหรือส่งข้อมูลให้เรียบร้อยก่อน
      5. Terinated คือสถานะที่โปรเซสได้หยุดลง



สถานะของโปรเซส
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEisnzvklLGfUXK3wXilxO4Jk-fgqBfuu1S-E9o6yvYKpaRb7HJcJkBwG3sqZL9cY43PzEVtqM7Z5s5-9VVC-qKTjfZIx9Ivwcv0k7YqLd1mM8gNsieeDiId-0zOJm0a3VRHTYLUJCWu5Mg/s1600/chapte3.gif

วิธีการจัดตารางการทำงาน

       จากสถานะของโปรเซสที่กล่าวมา ทำให้ทราบว่าโปรเซสใดที่จะถูกส่งไปให้ซีพียูทำงานก่อน ดังนั้นระบบปฏิบัติการจึงต้องมีวิธีการตัดสินใจในการส่งโปรเซสเข้าครอบครองซีพียู จึงเกิดการจัดตารางการทำงานของหน่วยซีพียูขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้น โยมีหลายวิธีดังนี้

      1. วิธีแบบมาก่อนได้ก่อน  (First-Come , FirstServed Scheduling : FCFS) 

เป็นวิธีที่โปรเซสใดที่ร้องขอหน่วยซีพียูก่อน ก็จะได้รับบริการจากซีพียูก่อนตามที่ร้องขอกล่าวคือ เป็นไปตามโปรเซสที่ร้องขอบริการจากซีพียูตามลำดับคิว เป็นวิธีที่ง่าย ไม่ซับซ้อน ยกตัวอย่างเช่น หากโปรเซที่ป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบเป็นไปตามลำดับ P1 , P2 , และ P3 ดังนั้นคิวของแต่ละโปรเซสก็คือ
P1    จะใช้เวลารอคอยเป็นศูนย์
P2    จะใช้เวลารอคอยเท่ากับ 24 มิลลิวินาที
P3    จะใช้เวลารอคอยเท่ากับ 27 มิลลิวินาที
วิธีแบบมาก่อนได้ก่อน จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อโปรเซสที่ลำดับเข้ามาในคิวมีความเหมาะสมก็จะทำให้เฉลี่ยเวลาน้อยลง แต่เป็นไปได้ยาก

       2. วิธีแบบงานใดใช้เวลาสั้นที่สุด จะได้ก่อน (Shortes-Job-First Scheduling : SJF)

เป็นวิธีที่ไม่นึกถึงลำดับในคิวว่างานใดมาก่อน แต่จะพิจารณาถึงงานหรือโปรเซสที่ใช้เวลาการประมวลผลน้อยที่สุดก็จะได้บริการหน่วยซีพียูก่อน อย่างไรก็ตามหากกลุ่มงนมีเวลาประมวลผลเท่ากัน ก็จะพิจารณาโปรเซสที่มาก่อนได้ก่อนแทน ยกตัวอย่างเช่น
P1    ใช้เวลาการประมวลผลที่ 6 มิลลิวินาที
P2    ใช้เวลาการประมวลผลที่ 8 มิลลิวินาที
P3    ใช้เวลาการประมวลผลที่ 7 มิลลิวินาที
P4    ใช้เวลาการประมวลผลที่ 3 มิลลิวินาที
ดังนั้น โปรเซสที่จะป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบตามวิธีแบบ SJF ก็จะได้แก่ P4 ,P1 , P3 และ P2

       3. วิธีตามลำดับความสำคัญ (Priority Scheduling)

เป็นวิธีที่มีการกำหนดความสำคัญของโปรเซสแต่ละโปรเซสไม่เท่ากันโดยโปรเซสที่จะเข้าครอบครองซีพียูได้ ต้องมีลำดับความสำคัญสูงสุดในกลุ่ม

       4. วิธีการหมุนเวียนกันทำงาน (Round-Robin Scheduling)

การจัดการทำงานบบนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้กับระบบคอมพิวเตอร์แบบแบ่งเวลา โดยจะใช้พื้นฐานวิธีแบบมาก่อนได้ก่อน เป็นหลัก แต่โปรเซสจะไม่สามารถครอบครองซีพียูได้เท่ากับเวลาที่ต้องการ ดังนั้นจึงมีการกำหนดเวลาในการครอบครองให้เทาๆกัน ซึ่งเป็นขช่วงเวลาสั้นๆ

การจัดการหน่วยความจำ

       การจัดการหน่วยความจำเป็นสิ่งที่ยากต่อการออกแบบระบบปฏิบัติการทีเดียว เนื่องจากการจัดการหน่วยความจำหลักในแต่ละวิธี ล้วนแต่มีข้อจำกัดเหมือนกันนั่นก็คือโปรเซสหนึ่งๆ จะต้องถูกโหลดเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำหลักก่อนที่โปรเซสจะเริ่มทำงานหรือประมวลผลนั้นๆ หมายความว่าขนาดของโปรเซสที่ถูกโหลดเขาไปในหน่วยความจำนั้นขนาดจะต้องไม่โตกว่าหน่วยความจำหลักที่มีอยู่ และหากคิดตามหลักความเป็นจริงแล้วขนาดของหน่วยความจำหลักมักมีขนาดจำกัด ในขณที่โปรแกรมต่างๆ ในปัจจุบันมักมีความซับซ้อนยิ่งขึ้นในหน่วยความจำหลักได้ั้งหมด เนื่องจากขนาดหน่วยความจำหลักมีน้อยกว่า ดังนั้นจึงต้องมีการะบวนการจัดการเพื่อให้โปรแกรมเหล่านั้นสามารถโหลดเข้าไปในหน่วยความจำหลัก เพื่อนำไปสู่การประมวลผลให้ได้

การจัดสรรหน่วยความจำ (Memory Allocation) 

       ข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ ล้วนต้องถูกโหลดเข้าไปในหน่วยความจำหลัก หรือ โปรแกรมจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อโปรแกรมนั้นได้ถูกโหลดไว้ในหน่วยความจำแล้วเท่านั้น และการที่โปรแกรมสามารถเข้าไปใช้หน่วยความจำของระบบได้ เพราะระบบปฏิบัติการเป็นผู้จัดสรรนั่นเอง

ระบบโปรแกรมเดี่ยว

 (Single Program/Monoprograming)

       ในระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการประมวลผลในรูปแบบโปรแกรมเดียว หมายความว่าสามารถรันโปรแกรมของผู้ใช้ได้เพียงครั้งละหนึ่งโปรแกรมเท่านั้น ซึ่งหลักการทำงานของระบบโปรแกรมเดี่ยวมีข้อดีตรงที่การจัดการความจำเป็นไปค่อนข้างง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ข้อจำกัดคือไม่สามารถรันโปรแกรมได้หลายๆโปรแกรม ตัวอย่างระบบปฏิบัติแบบโปรแกรมเดียวคือ ระบบปฏิบัติการ DOS

ระบบหลายโปรแกรม (Multiprogramming)

       หลักการของระบบหลายโปรแกรมคือ การทำงานของโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่สูญเสียไปกับการจัดการอุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุต ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวมีการเข้าถึงการทำงานช้ามากเมื่อเทียบกับซีพียู และขณะที่จัดการกับอุปกรณ์ดังกล่าวก้ไม่จำเป็นต้องใช้ซีพียูดังนั้นซีพียูจะว่าง ไม่มีการทำงานใดๆให้สูญเสียเวลาอันมีค่าไปอย่างน่าเสียดายหากในช่วงเวลาดังกล่าว นำโปรแกรมอื่นเข้ามาครอบครองเพื่อให้ใช้งานซีพียูได้ ก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะซีพียูเป็นสิ่งที่มีทรัพยากรสูง สามารถรันโปรแกรมในขณะเดียวกันได้
คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการที่สามารถรองรับการทำงานแบบหลายโปรแกรมนั้นมักเป็นระบบปฏิบัติการที่มีคุณภาพ ในปัจจุบันระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาล้วนแต่รองรับการทำงานแบบหลายโปรแกรมแทบทั้งสิ้น แต่จะต้องได้รับการออกแบบที่ดี


หน่วยความจำเสมือน (Virtual Memory)

       โปรแกรมที่รันจะต้องถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำทั้งหมด กล่าวคือโปรเซสทั้งตัวจะต้องอยู่ในหน่วยความจำหลักไปก่อน จึงสามารถเริ่มทำการประมวลผลได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าพิจารณาให้ดีจะพบว่า หากโปรแกรมมีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่หน่วยความจำหลักก็ไม่สามารถประมวลผลได้ นั่นเอง

การจัดการแฟ้มข้อมูล

       ในระบบปฏิบัติการจะมีวิธีการจัดเก็บข้อมูลรูปแบบของไฟล์หรือแฟ้มข้อมูล โดยที่ไฟล์ข้อมูลนั้นๆ อาจบรรจุข้อมูลไปด้วยข้อมูลหรือโปรแกรมใดๆ ที่ผู้ใช้ต้องการรวบรวมไว้เป็นชุดเดียวกันที่สำคัญ การอ้างอิงไฟล์หรือข้อมูลต่างๆภายในโปรแกรม จะไม่เกี่ยวข้องกับแอดเดรสของโปรแกรมใดๆทั้งสิ้น